SEGA คือจุดเริ่มต้น: ผู้สร้าง Expedition 33 และ SHINOBI: Art of Vengeance

Guillaume Broch and Ben Fiquet
Guillaume Broch (ซ้าย) กับ Ben Fiquet (ขวา)

คุณกล้าบอกคนรอบตัวไหมว่าคุณชอบเล่นเกม?

สำหรับผู้ใหญ่ในญี่ปุ่น อาจยังรู้สึกเขินเล็กน้อย เพราะสมัยเด็ก เกมยังไม่ถูกมองว่าเป็นงานอดิเรกจริงจัง เกมมักถูกมองว่าเป็นของเด็กหรือ สิ่งที่ต้องเล่นเงียบๆ

เรื่องนี้ไม่ได้เกิดแค่ในญี่ปุ่น ฝรั่งเศสก็มีปรากฏการณ์คล้ายกัน Guillaume Broch CEO ของ Sandfall Interactive ผู้สร้าง Clair Obscur: Expedition 33 เล่าว่า เกมแรกที่เขาเล่นในชีวิตคือ Juuouki / Altered Beast บน SEGA Mega Drive หลังจากนั้นเขาเล่นเกมบน PlayStation อย่างสม่ำเสมอ และลอง RPG ญี่ปุ่นหลายเรื่อง เช่น Final Fantasy และ Atelier series ทำให้เขาเข้าใจและหลงใหลใน RPG แบบญี่ปุ่นอย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ Expedition 33 มีความเป็น RPG ญี่ปุ่นชัดเจน

ในฝั่งของ Lizardcube ผู้สร้าง SHINOBI: Art of Vengeance CEO Ben Fiquet เกมแรกของเขาเป็น SHINOBI ภาคแรกบน SEGA Mark III เช่นกัน ทำให้เขาผูกพันกับเกม Ninja Action ของ SEGA และกลับมาพัฒนาเกมใหม่ในซีรีส์ SHINOBI

ทั้งสองเกมล่าสุดของพวกเขาได้รับเสียงชื่นชมระดับโลก: Expedition 33 เมตาสกอร์ 93 และ SHINOBI: Art of Vengeance เมตาสกอร์ 90

ความรักในศิลปะฝรั่งเศส สะท้อนในเกม

Guillaume เล่าว่า สำหรับฝรั่งเศส “ความรักในศิลปะ” เป็นสิ่งที่ฝังลึกในตัวผู้สร้างเกมทุกคนที่ Sandfall Interactive ทุกองค์ประกอบในเกมต้องมีความงามและปราณีต ไม่ใช่แค่กราฟิก แต่รวมถึง เสียงเพลงและเกมเพลย์ ทีมพูดคุยเรื่องนี้ตั้งแต่ขั้นออกแบบ

Ben เสริมว่า การสร้างเกมคือการแสดงออกของตัวตน ทีมของเขามีความเป็น ปัจเจกนิยม ใส่ใจรายละเอียดสุดๆ และเขาเองทำแอนิเมชันหลายอย่างด้วยตัวเอง

การเล่นที่ลื่นไหล “สัมผัสสนุก”

ทั้งสองให้ความสำคัญกับ ฟีดแบ็กของปุ่มและการโจมตี Guillaume ใส่ระบบ “หยุดเวลาเล็กน้อยเมื่อโจมตีโดน” เพื่อให้ผู้เล่นรู้สึกถึงแรงของการโจมตี

Ben เห็นด้วย และบอกว่าทุกการกระทำของผู้เล่นควรมีการตอบสนอง เพื่อสร้างความสนุกและความพึงพอใจสูงสุด

แสดงความเป็นญี่ปุ่นใน SHINOBI

Ben อธิบายว่า การสร้างเกม SHINOBI ให้รู้สึก ญี่ปุ่นแท้ คือการใส่รายละเอียด เช่น ตลาดปลา งานเทศกาล และบรรยากาศญี่ปุ่นยุค 1980–1990 พร้อมปรับความเร็วและความสนุกให้ทันสมัย

ทีมยังคงเคารพผลงานเก่าและแฟนเกม เพื่อรักษาอัตลักษณ์ของซีรีส์ แต่ปรับปรุงเกมให้ผู้เล่นยุคใหม่สนุกได้เต็มที่

จุดแข็งของสตูดิโออินดี้

Guillaume และ Ben เห็นตรงกันว่า ความคล่องตัวและอิสระสร้างสรรค์ คือจุดแข็งของสตูดิโออินดี้ ทีมสามารถตัดสินใจและลงมือทำได้ทันที สมาชิกทุกคนมีสิทธิ์เสนอไอเดียและมีส่วนร่วม

Ben เน้นว่า ในเกมที่ซับซ้อน ทักษะการสื่อสารในทีมสำคัญกว่าผลงานเก่า เพราะถ้าสื่อสารได้ดี ทุกขั้นตอนการทำงานก็จะราบรื่น

ข้อคิดถึงแฟนเกมญี่ปุ่น

  • Guillaume: “รู้สึกดีใจที่ Expedition 33 ได้รับการต้อนรับในญี่ปุ่น ความเคารพ RPG ญี่ปุ่นของเราถูกเข้าใจและตอบกลับมาอย่างอบอุ่น ขอบคุณทุกคนครับ”
  • Ben: “อยากให้ทุกคนลองเล่น SHINOBI: Art of Vengeance และรู้จักทีม Lizardcube ของเราด้วยครับ”

แม้ Expedition 33 และ SHINOBI: Art of Vengeance จะต่างแนวเกม แต่มี จุดร่วมที่น่าทึ่ง คือทั้งสองเริ่มเล่นเกมบน SEGA และเต็มไปด้วยงานศิลป์ ความใส่ใจในรายละเอียด ทำให้เกมโดดเด่นและตราตรึงใจผู้เล่นทั่วโลก

Comments

Popular posts from this blog

Metal Gear Solid Delta เปลี่ยนโปสเตอร์บิกินี่เป็นภาพใหม่ 21 ปีต่อมา

Final Fantasy III (3D Remake) การคืนชีพของตำนาน RPG

Shenmue II ตำนานที่ยิ่งใหญ่กว่าบนถนนฮ่องกง

Ys, Dragon Slayer และ Xanadu เตรียมคืนชีพบนเครื่องเล่นยุคปัจจุบัน

ผู้กำกับ Final Fantasy Tactics Remake เผยเกม NES ที่เล่นไม่เคยเบื่อ

Sonic Racing: CrossWorlds ชน Mario Kart World ปลายปีนี้

Gradius Gaiden ภาคนอกตำนานสุดคลาสสิกบน PlayStation

Monster Hunter Wilds เปิดตัวแรง และเป้าหมายใหม่ของ Capcom

เกมดีเวลอปเปอร์กับการเปลี่ยนแปลงตลอด 30 ปี