Blazing Star เกมยิงอาร์เคดสุดล้ำที่เกินขีดจำกัดยุคนั้น
“เราตั้งใจทำให้คนสงสัยว่านี่คือเกม Neo Geo จริงเหรอ” — ทีมพัฒนา Yumekobo
ช่วงปลายยุค 90 เกมอาร์เคดยังครองใจคนเล่นเกม และหนึ่งในเกมยิงที่โดดเด่นที่สุดก็คือ Blazing Star ด้วยภาพที่สวยจัด เอฟเฟกต์ตระการตา และระบบการเล่นที่ทั้งสนุกและท้าทาย หลายคนอาจไม่รู้ว่าเกมนี้มีที่มาจากไอเดียเล็กๆ ของทีมพัฒนาที่อยากลองของบนเครื่องที่คนมองว่า “เก่าเกินไปแล้ว”
เริ่มจาก Pulstar แต่ไปไกลกว่านั้น
แรกเริ่มเดิมที Blazing Star ถูกวางให้เป็นภาคต่อของ Pulstar เกมยิงแนวฮาร์ดคอร์ที่โดดเด่นเรื่องความยาก ตัวเกมเคยใช้ชื่อชั่วคราวว่า “Pulstar Blast” หรือ “Pulstar Plus” แต่ระหว่างพัฒนา ทีมได้โจทย์ใหม่ว่าอยากให้เกมเล่นง่ายขึ้น เข้าถึงได้มากขึ้น สุดท้ายจึงเปลี่ยนแนวทางจนกลายเป็นเกมใหม่ที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง
พวกเขาปรับจังหวะให้เร็วขึ้น เพิ่มระบบยิงแบบชาร์จที่ต้องใช้จังหวะและการควบคุม และเปลี่ยนโลกของเกมให้แตกต่างจาก Pulstar โดยสิ้นเชิง
ภาพต้องอลังการจนคนเหลียวหลัง
หนึ่งในเป้าหมายหลักของ Yumekobo คือทำให้คนเล่นต้องทึ่งกับภาพ พวกเขาทุ่มเทกับงานกราฟิกแบบสุดตัว ตั้งแต่ฉากหลังที่เคลื่อนไหวอย่างลื่นไหล ยานรบที่มีดีไซน์ซับซ้อน ไปจนถึงเอฟเฟกต์การยิงที่สะใจ
แม้ Neo Geo จะมีข้อจำกัดเยอะมาก ทั้งจำนวนสีและวัตถุที่แสดงบนหน้าจอ ทีมก็พยายามหาทางแก้ เช่น ลดจำนวนสีของยานจาก 24-bit เหลือ 16 สี หรือวางตำแหน่งกระสุนใหม่เพื่อไม่ให้เครื่องโหลดหนักจนฉากกระพริบ
ตัวละครก็คิดมาแล้ว
นักบินแต่ละคนไม่ได้แค่ดูเท่ แต่มีแรงบันดาลใจที่เฉพาะตัว
-
Caster Mild เด็กสาวที่ขับยานหนักที่สุด ได้แรงบันดาลใจจากกล่องดนตรีผสมกับพลังทำลายล้าง
-
Leefa Chao อ้างอิงจากตัวละครสาวใน Tokimeki Memorial
-
JB ได้แรงบันดาลใจจาก Jean Reno นักแสดงชาวฝรั่งเศส
-
Asayuki คือดีไซน์ที่ทีมเคยร่างไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ และเพิ่งได้ใช้จริงในเกมนี้
ยานทุกลำยังมีตัวอักษร “E.u.i.” ซ่อนอยู่ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ว่าผลิตจากดาวศัตรู “Braushella” อีกด้วย
ทุกฉาก ทุกบอส มีที่มา
เบื้องหลังฉากและบอสแต่ละตัวก็มีเรื่องราวซ่อนอยู่
-
ด่านแรก ก่อนเจอบอส จะมีก้อนหินวางเรียงคล้ายสุสาน เพราะทีมอยากเพิ่มอารมณ์ว่า “มีบางอย่างรออยู่”
-
ด่านสามมีเอฟเฟกต์พลังงานแปลกๆ ที่แม้แต่ทีมเองยังจำไม่ได้ว่าใครเป็นคนใส่
-
ด่านห้ามียานแม่ขนาดยักษ์ด้านหลัง ซึ่งจริงๆ คือฐานลับของฝ่ายศัตรู
รายละเอียดเหล่านี้ถูกใส่มาโดยไม่จำเป็นต้องอธิบาย ปล่อยให้ผู้เล่นตีความกันเอง
มีเนื้อเรื่องนะ ไม่ได้มายิงอย่างเดียว
แม้จะเป็นเกมยิง แต่ Blazing Star ก็มีเนื้อเรื่องที่แฝงอยู่ พูดถึงโลกหลังสงครามใหญ่ระหว่าง Lemuria และ Mutras ผู้เล่นคือฮีโร่กลุ่มสุดท้ายที่ตื่นขึ้นมาจากอดีตที่เจ็บปวด เพื่อสู้กับสิ่งที่ยังค้างคาในใจ
มันคือเรื่องของคนที่เคยกลายเป็นปีศาจ และอยากกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง
ทีมงานฝากถึงแฟนๆ
ถ้าอยากเล่นทำแต้มสูงๆ ทีมแนะนำให้ใช้ยาน Aryustailm และถ้าใครกล้าคอสเพลย์เป็นตัวละครจากเกมนี้ พวกเขาบอกว่าจะดีใจมาก แม้จะรู้ว่าชุดมันดูยากพอสมควร
สุดท้าย พวกเขาบอกว่า Blazing Star คือเกมที่ทีมภูมิใจที่สุด แม้จะเริ่มจากแนวคิด “ภาคต่อ” ของเกมอื่น แต่มันคือผลงานที่มีตัวตนชัดเจน และตั้งใจสร้างให้ทั้งมือใหม่และสายฮาร์ดคอร์สนุกไปพร้อมกัน
Comments
Post a Comment