บัฟของ Ryu ในซีซัน 3 ของ Street Fighter 6: การเปลี่ยนแปลงที่สะท้อนพัฒนาการของตัวละคร
ในซีซัน 3 ของ Street Fighter 6 ตัวละครอย่าง Ryu ได้รับการปรับสมดุลครั้งสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องพลังของ Hadoken ที่ถูกปรับให้รุนแรงและรวดเร็วขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้เขากลับมามีบทบาทโดดเด่นในหมู่ Shoto อีกครั้ง ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะเกมเพลย์เท่านั้น แต่ยังสอดคล้องกับพัฒนาการของตัวละครในเนื้อเรื่องด้วย
Ryu ก้าวข้ามด้านมืดของตัวเอง
ย้อนกลับไปใน Street Fighter V Ryu ปิดฉากยุคของ Vega ด้วยการปลดปล่อย Denjin Hadoken ซึ่งเกิดจากพลัง Power of Nothingness (無の拳 – พลังแห่งความว่างเปล่า) พลังบริสุทธิ์ที่อยู่ตรงข้ามกับ Satsui no Hado หรือพลังด้านมืดที่เคยหลอกหลอนเขามานานหลายภาค
หลังจากต่อสู้กับตัวเองมาอย่างยาวนาน Ryu ก็สามารถเอาชนะความมืดในใจได้สำเร็จ และพบคำตอบที่เขาเฝ้าตามหามาตลอด
“ช่วงหนึ่ง ฉันปล่อยให้ความมืดกัดกินจิตใจ แต่ในที่สุด ฉันก็หลุดพ้นจากมันได้”
“ตอนนี้ ฉันสามารถปลดปล่อยพลังได้อย่างที่ใจต้องการ ฉันเจอคำตอบแล้ว” – Ryu กล่าวในโหมด World Tour
พลังที่กลับมาในเกมเพลย์
แม้ว่า Power of Nothingness จะถูกกล่าวถึงมาตั้งแต่ภาคก่อน แต่ในช่วงต้นของ Street Fighter 6 พลังนี้ยังไม่สะท้อนชัดในรูปแบบการเล่น จนกระทั่ง Capcom ปรับบาลานซ์ในซีซัน 3 โดยเน้นที่การเสริมความสามารถหลังจากใช้ Denjin Charge (電刃錬気) ซึ่งเป็นสถานะที่ Ryu ชาร์จพลังก่อนปล่อยท่าไม้ตาย
-
Hadoken มีความเร็วและพลังเพิ่มขึ้น
-
โปรเจกไทล์ฟื้นตัวเร็วขึ้นเมื่อโดนเป้าหมาย
-
ท่า OD Hadoken, Denjin Hadoken และ Super Art 1 ถูกบัฟให้ใช้งานได้ดีขึ้นและมีอานุภาพรุนแรงยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้สะท้อนความตั้งใจของทีมพัฒนา ที่ต้องการให้ Ryu กลับมาเป็น “จ้าวแห่ง Hadoken” อย่างที่ควรจะเป็น ในขณะที่ Ken โดดเด่นในด้าน Shoryuken
แข็งแกร่งทั้งในเรื่องราวและเกมเพลย์
ตลอดหลายภาคที่ผ่านมา Ryu เป็นตัวแทนของนักสู้ที่แสวงหาความแข็งแกร่งอย่างไม่หยุดยั้ง และในภาคล่าสุดนี้ เขาได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงเอาชนะศัตรูภายนอกอย่าง Vega ได้ แต่ยังเอาชนะศัตรูภายในใจของตัวเองได้ด้วย
นั่นทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่ “สมบูรณ์” ที่สุดของซีรีส์ในแง่ของพลังและจิตวิญญาณ
เมื่อบาลานซ์เกมสะท้อนตัวตนของนักสู้
แม้หลายคนมองว่าการปรับบาลานซ์ควรยึดตามความยุติธรรมในการแข่งขันเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง Capcom มักให้ความสำคัญกับภาพรวมของตัวละครด้วย ตัวอย่างเช่น Gouki, Vega, หรือ Sagat มักอยู่แถวบนของ Tier List เสมอ ขณะที่ตัวละครสายฮาอย่าง Dan หรือ Hakan ก็มักอยู่ล่าง
ในกรณีของ Ryu การที่เขาได้รับการบัฟครั้งใหญ่ในซีซันนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อให้เกมสมดุลขึ้น แต่ยังเป็นการยืนยันว่า เขาได้ก้าวขึ้นเป็นนักสู้ระดับแนวหน้า ทั้งในแง่เนื้อเรื่องและรูปแบบการเล่นอย่างแท้จริง
ที่มา:EventHubs - Ryu's buffs in Season 3 of Street Fighter 6 make sense from a story perspective
Comments
Post a Comment