Akumajou Dracula – เสียงแส้สะท้อนจากปราสาทปีศาจ
31 ตุลาคม 1991 คือวันที่ Konami ปล่อยเกมแอ็กชันใหม่ลง Super Famicom ในชื่อ Akumajou Dracula เกมที่ผู้เล่นต้องออกล่าปีศาจในปราสาทโกธิกสุดหลอน ในตะวันตก เกมนี้รู้จักกันในชื่อ Super Castlevania IV
ปรับโฉมจากภาคคลาสสิกสู่ยุค 16-bit
แม้จะใช้ชื่อเดียวกับภาคแรกบน Famicom แต่ Akumajou Dracula ฉบับ Super Famicom เป็นการสร้างใหม่ทั้งหมด ทั้งฉาก ดนตรี และระบบการเล่นถูกออกแบบขึ้นใหม่หมด Simon นักล่าแวมไพร์ผู้ถือแส้ศักดิ์สิทธิ์กลับมาอีกครั้ง พร้อมภารกิจโค่น Count Dracula ที่ฟื้นคืนชีพ
เกมมีทั้งหมด 11 ด่าน ไล่ตั้งแต่หมู่บ้านรอบปราสาทจนถึงห้องบัลลังก์ของ Dracula เต็มไปด้วยกลไกและทางลับที่ซ่อนอยู่ให้ค้นหา จุดเด่นที่สุดคือระบบควบคุมที่ลื่นไหลกว่าเดิม Simon สามารถโจมตีได้ 8 ทิศทาง ใช้แส้เกี่ยวห่วงเหวี่ยงตัวข้ามเหว และยังเคลื่อนไหวได้อิสระขณะหมอบหรือกระโดด
พลังของ Super Famicom และบรรยากาศโกธิกสุดขลัง
เกมนี้แสดงศักยภาพของเครื่อง Super Famicom ออกมาเต็มที่ เอฟเฟกต์ Mode 7 ถูกใช้สร้างฉากหมุน ห้องกลับด้าน และเส้นทางที่บิดเบี้ยวแบบ 3D เพิ่มความรู้สึกเหนือจริงและหลอนแบบคลาสสิก
ภาพกราฟิกคมเข้ม ดนตรีแนวออเคสตราและแจ๊สผสมอิเล็กทรอนิกส์ให้บรรยากาศหนักแน่นตั้งแต่ฉากเปิดโลโก้เลือดหยดไปจนถึงเสียงหมาป่าหอนตอนเลือกเมนู ทุกอย่างช่วยเติมเต็มความรู้สึก “อยู่ในปราสาทปีศาจ” อย่างแท้จริง
ศัตรูในเกมก็เต็มไปด้วยดีเทล ทั้งผีในชุดเต้นรำ ศพเดินได้ หรือหญิงสาวในภาพวาดที่ยื่นมือออกมาโจมตี ทุกอย่างช่วยให้ปราสาทดูมีชีวิตและเต็มไปด้วยความลึกลับ
เรื่องราวของสายเลือดนักล่า
หนึ่งศตวรรษหลังการล่มสลายของ Dracula แผ่นดินทรานซิลเวเนียกลับเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง เมื่อเจ้าปีศาจฟื้นคืนชีพพร้อมกองทัพแห่งความตาย Simon ทายาทตระกูลนักล่าแวมไพร์จึงหยิบแส้ศักดิ์สิทธิ์ออกเดินทาง เข้าสู่ปราสาทปีศาจเพื่อต่อสู้กับโชคชะตาและชะตากรรมของสายเลือด
เบื้องหลังการสร้าง
เกมนี้กำกับโดย Masahiro Ueno (หรือ Jun Furano) ที่ต้องการให้ภาคนี้กลับสู่ความเป็น “เกมแอ็กชันบริสุทธิ์” แบบต้นฉบับ ทีมพัฒนามีขนาดเล็ก ทุกคนมีส่วนร่วมทั้งด้านโปรแกรมและดีไซน์
Mitsuru Yaida (Yaipon) เป็นคนเสนอแนวคิดระบบแส้ที่โจมตีได้รอบทิศทาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมอยากใส่มาตั้งแต่ภาคแรกแต่เทคโนโลยียังไม่เอื้อ
เวอร์ชันตะวันตกถูกปรับบางส่วนเพื่อลดโทนเลือดและสัญลักษณ์ทางศาสนาให้ผ่านการเซ็นเซอร์ ส่วนปกอเมริกาออกแบบโดย Tom duBois ศิลปินผู้วาดปกเกม Konami หลายเรื่องในยุค 90
การกลับมาหลังยุค 90
หลังออกบน Super Famicom เกมนี้ถูกนำกลับมาหลายครั้ง เช่นบน Wii, Wii U, New 3DS, SNES Classic Edition และรวมอยู่ใน Castlevania Anniversary Collection เมื่อปี 2019
เสียงตอบรับ
นิตยสาร Famitsu ให้คะแนน 29/40 ส่วนสื่อเกมยุคนั้นต่างยกให้เป็นหนึ่งในเกมแอ็กชันที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Super Famicom ด้วยระบบควบคุมที่แม่นยำ ดนตรีที่ยอดเยี่ยม และบรรยากาศที่ทั้งหลอนและสง่างามในเวลาเดียวกัน
แม้จะผ่านมาเกินสามทศวรรษ แต่ชื่อของ Akumajou Dracula (Super Castlevania IV) ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความคลาสสิก เสียงแส้ของ Simon ยังคงสะท้อนอยู่ในใจแฟนเกมทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้
Comments
Post a Comment