Skip to main content

Akumajou Special: Boku Dracula-kun – ภาคแยกน่ารักจากซีรีส์ Castlevania

Akumajou Special: Boku Dracula-kun

Akumajou Special: Boku Dracula-kun เป็นเกมแอคชั่นจาก Konami เกมนี้เป็นภาคแยกของซีรีส์ Akumajou Dracula เปิดตัวครั้งแรกบนเครื่อง Family Computer เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 1990 ถึงแม้จะอยู่ในจักรวาลเดียวกับ Castlevania แต่เกมกลับเลือกแนวทางที่ต่างออกไปจากภาคหลักอย่างชัดเจน ด้วยโทนตลกน่ารักและงานออกแบบสดใส ทำให้เล่นง่ายและเข้าถึงได้ทุกวัย

ตัวละครหลักคือ Dracula-kun ลูกชายของ Count Dracula ซึ่งในซีรีส์หลักเคยเป็นบอสสุดท้าย เกมนี้ทำให้เขากลายเป็นตัวเอกและออกเดินทางต่อสู้กับศัตรูในแบบของตัวเอง แทนที่จะใช้บรรยากาศมืดหม่นหรือสยองขวัญเหมือนใน Castlevania ภาคหลัก เกมเลือกใช้สไตล์ขบขัน ตัวละครดูน่ารักและฉากต่างๆ ก็เต็มไปด้วยสีสัน จึงเป็นภาคที่แตกต่างและสนุกสนานในแบบเฉพาะตัว

หลังจากเวอร์ชัน Family Computer ตัวเกมยังถูกนำมาลงให้เล่นบนโทรศัพท์มือถือผ่านเว็บไซต์ Konami Net DX เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2006 ในชุด Konami Masterpiece Series สำหรับเครื่อง FOMA 90x Series และต่อมาวันที่ 2 เมษายน 2007 ก็มีให้เล่นบนโทรศัพท์ SoftBank 3G ด้วยเช่นกัน

เกมนี้ได้รับคำชมในแง่ความสร้างสรรค์และความสนุกในการเล่น นิตยสาร Famitsu ให้คะแนน 25/40 ส่วน Family Computer Magazine ให้คะแนนจากโหวตผู้อ่านเฉลี่ย 22.10/30 แม้จะไม่ใช่ภาคหลัก แต่ด้วยความน่ารักและโทนเกมที่แปลกใหม่ ทำให้ Akumajou Special: Boku Dracula-kun กลายเป็นเกมที่แฟนซีรีส์ยังจดจำและพูดถึงจนถึงทุกวันนี้

Comments

Popular posts from this blog

Dragon Quest VI ครบรอบ 30 ปี บทสรุป Tenkuu Series กับการผจญภัยสองโลก

Yuji Horii ส่งสัญญาณลับ แฟนลุ้น Chrono Trigger อาจมีความคืบหน้า

Katsuhiro Harada ประกาศอำลา Bandai Namco ปลายปี 2025 ในวาระ TEKKEN ครบ 30 ปี

Virtua Fighter 5 R.E.V.O. World Stage เกมต่อสู้คลาสสิกกลับมาอีกครั้ง

Shuhei Yoshida บอกญี่ปุ่นคงพัฒนาเร็วแบบ Genshin ไม่ไหวตอนนี้

Netflix ทุ่ม 83 พันล้านดอลลาร์ซื้อ Warner Bros. และ HBO

Linus ชี้สาเหตุ BSoD ของ Windows มาจากฮาร์ดแวร์มากกว่าซอฟต์แวร์

Sega CEO ชอบ Jensen ช่วยเซฟ Nvidia จากวิกฤตครั้งใหญ่

MEGAMAN DUAL OVERRIDE เกมใหม่ซีรีส์ Mega Man ประกาศแล้ว เตรียมวางจำหน่ายปี 2027

Takenobu Mitsuyoshi: จากเด็กหลงรักเสียงดนตรี สู่ตำนานเพลงเกมและเสียง “Game Over Yeah”