Rockman X4: จุดเปลี่ยนสำคัญของซีรีส์ กับสงครามที่ไม่มีมนุษย์
Rockman X4 คือภาคที่ 4 ของซีรีส์ Rockman X ซึ่งวางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 1997 สำหรับเครื่อง PlayStation และ Sega Saturn โดยนอกจากจะเป็นเกมฉลองครบรอบ 10 ปีของซีรีส์ Rockman แล้ว ยังถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญหลายอย่างทั้งในแง่เกมเพลย์ เนื้อเรื่อง และงานนำเสนอ
จุดเริ่มต้นยุคใหม่ของซีรีส์ X
Rockman X4 เป็นภาคแรกที่พัฒนาเพื่อคอนโซลยุค 32 บิตโดยเฉพาะ หลังจากสามภาคแรกลงให้ Super Famicom นั่นทำให้ทีมงานสามารถใส่คัตซีนแอนิเมชัน เสียงพากย์ กราฟิกและเสียงที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงระบบการเล่นที่ยกระดับขึ้นตามศักยภาพของเครื่อง
หนึ่งในจุดขายสำคัญของภาคนี้คือระบบ "Double Hero" ที่ให้ผู้เล่นเลือกเล่นเป็น X หรือ Zero ได้ตั้งแต่ต้นเกม โดยทั้งคู่จะมีสไตล์การเล่นและเส้นทางเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
Zero ซึ่งเคยเป็นตัวละครเสริม กลายเป็นพระเอกอย่างเต็มตัว พร้อมปรับรูปแบบการต่อสู้จากบัสเตอร์มาใช้ดาบ Z-Saber เป็นหลัก ท่วงท่าต่างๆ ได้แรงบันดาลใจจากเกมต่อสู้ของ Capcom อย่าง Street Fighter ซึ่งทำให้รูปแบบการควบคุมของเขาแตกต่างจาก X อย่างสิ้นเชิง
สงครามไร้สีขาวดำ: เนื้อเรื่องที่จริงจังและเข้มข้น
เนื้อเรื่องของ Rockman X4 เริ่มต้นจากเหตุการณ์สกายลากูนถล่มสู่พื้นโลก ทำให้กองกำลัง Repliforce ถูกต้องสงสัยว่าเป็นต้นเหตุ และนำไปสู่การปะทะกันระหว่างพวกเขากับหน่วย Irregular Hunter โดยมี X และ Zero ถูกส่งออกไปสืบสวนและต่อสู้
ต่างจากภาคก่อนๆ ที่ศัตรูอย่าง Sigma เป็นตัวร้ายชัดเจน ในภาคนี้ Repliforce ไม่ได้ถูกวาดให้เป็นผู้ร้ายโดยตรง แต่เต็มไปด้วยพื้นที่สีเทาทางศีลธรรม ซึ่งสะท้อนถึงธีมหลักของเกมคือ “สงครามของเรพลอยด์” โดยไม่มีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะเส้นทางของ Zero จะเน้นความเป็นดราม่า เข้มข้น และส่งผลต่อความรู้สึกของผู้เล่นมากกว่าเส้นเรื่องของ X ซึ่งบางครั้งถูกวิจารณ์ว่า “จืดจางเกินไป” เมื่อเทียบกัน
ระบบและลูกเล่นใหม่ที่โดดเด่น
การเปลี่ยนผ่านจาก SFC มายัง PS/SS ทำให้ Rockman X4 เพิ่มฟีเจอร์และระบบใหม่ๆ เช่น:
- บันทึกเกมแบบเซฟไฟล์ แทนระบบพาสเวิร์ด
- ระบบแบ่งฉากออกเป็น 2 ส่วน เมื่อผ่านส่วนแรกจะฟื้นพลังเต็ม
- บอสมีบทสนทนาก่อนสู้ พร้อมเอฟเฟกต์ "WARNING" แบบเท่ๆ
- ซับแทงก์ที่สะสมพลังได้ทันที ไม่ต้องรอพลังเต็ม
- บอสมีความทนทานต่ออาวุธพิเศษ หากไม่ใช่อาวุธที่แพ้ทาง
- อาร์เมอร์ของ X จะเปลี่ยนรูปร่างตามชิ้นส่วนที่ใส่ก่อน
- ระบบ “กิก้าแอทแทค” ที่ใช้พลังสะสมจากการโดนโจมตี
- X สามารถยิงบัสเตอร์ได้แม้ถืออาวุธพิเศษ (ปุ่มแยกเฉพาะ)
นอกจากนี้ ยังมีไอเท็มอย่าง EX ที่เพิ่มจำนวนชีวิตเริ่มต้นจาก 3 เป็น 5 และ MAX Energy ที่ฟื้นพลังเต็มจำนวนในคราวเดียว
งานสร้างสุดทะเยอทะยาน
ภาคนี้เริ่มพัฒนาขึ้นสำหรับ Sega Saturn เป็นหลัก แต่ต่อมาจึงกลายเป็นมัลติแพลตฟอร์ม โดยทีมพัฒนาต้องวาดแบ็คกราวด์มากขึ้นเป็นสองเท่า และใช้เทคนิคบีบอัดข้อมูลเพื่อให้พอดีกับปริมาณดาต้า
Keiji Inafune ผู้ออกแบบตัวละครหลักในภาคก่อนๆ มารับหน้าที่โปรดิวเซอร์เต็มตัวในภาคนี้ และยังมีส่วนร่วมกับโครงเรื่องด้วย เขาตั้งใจไม่ให้ Repliforce เป็น “ตัวร้ายแบบชัดเจน” แต่ให้อุดมการณ์ของทั้งสองฝั่งมีพื้นที่ให้ตีความ
Haruki Suetsugu รับหน้าที่วาดภาพโปรโมต เขาเล่าว่าการออกแบบอาร์เมอร์ของ X นั้นยากแต่สนุก และเคยคิดให้ Zero มี Ultimate Armor ด้วยแต่ไม่ได้พัฒนาให้เสร็จ ส่วนการเสียสละของตัวละครหญิงอย่าง Iris นั้น เขายอมรับว่าโหดร้ายและสะเทือนใจไม่น้อย
ฉากคัตซีนแอนิเมชันของเกมผลิตโดย Xebec ซึ่งเคยร่วมงานใน Rockman 8 มาแล้ว ขณะที่เพลงประกอบหลักคือ Makenai Ai ga Kitto aru และ One More Chance ขับร้องโดย Yukie Nakama
ภาคพิเศษและของสะสม
Rockman X4 วางจำหน่ายทั้งบน PS และ SS ในวันเดียวกัน โดยเวอร์ชัน Saturn ใช้ปก Zero เดี่ยวๆ ยืนในความมืด ส่วนเวอร์ชัน PS จะโชว์ตัวละครครบชุด
นอกจากนี้ยังมีการออกเวอร์ชันพิเศษ "Special Limited Pack" ที่มาพร้อมฟิกเกอร์ Ultimate Armor X อีกด้วย
ผลตอบรับและการวางจำหน่าย
แม้จะมีปัญหาด้านนโยบายของ Sony อเมริกาที่ไม่สนับสนุนเกม 2D ทำให้เวอร์ชัน PS ในสหรัฐฯ ต้องเจรจาอยู่นานก่อนจะวางจำหน่ายได้ในเดือนสิงหาคม 1997 ส่วนยุโรปมีเพียงเวอร์ชัน PS เท่านั้นที่ออกวางขายในภายหลัง
ต่อมาเกมถูกพอร์ตลง Windows และวางจำหน่ายใหม่ในหลายแพลตฟอร์ม รวมถึงเวอร์ชันมือถือที่แบ่งเป็น X และ Zero แยกกันในปี 2011–2012 และรวมอยู่ในชุด Rockman X Anniversary Collection ด้วย
Comments
Post a Comment