The Last Blade 2 – ตำนานดาบแห่งปลายบาคุมัตสึที่ยังไม่จางหาย

เมื่อพูดถึงเกมต่อสู้ของ SNK หลายคนอาจนึกถึง Samurai Shodown ขึ้นมาก่อน แต่ในช่วงปลายยุค 90 SNK ได้สร้างอีกหนึ่งโลกที่แตกต่างออกไป ทั้งอ่อนโยน ลุ่มลึก และเปี่ยมบรรยากาศแห่งปลายยุคเอโดะ นั่นคือซีรีส์ Gekka no Kenshi หรือที่แฟนทั่วโลกรู้จักกันในชื่อ The Last Blade

ภาคแรกเปิดตัวในปี 1997 บนตู้ MVS ก่อนที่ภาคต่อ Bakumatsu Roman Dai Ni Maku Gekka no Kenshi หรือฝั่งตะวันตกเรียกว่า The Last Blade 2 จะวางจำหน่ายปลายปี 1998 และกลายเป็นหนึ่งในผลงานที่แฟนเกมยกให้เป็น “ดาบเล่มที่งดงามที่สุดของ SNK”

บรรยากาศปลายเอโดะที่งดงามและเศร้าไปพร้อมกัน

เรื่องราวในภาคนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ภาคแรกเพียงครึ่งปี โลกยังไม่ฟื้นจากการต่อสู้กับ Suzaku และหลุมมิติขนาดใหญ่ที่เชื่อมโลกมนุษย์กับดินแดนลี้ลับที่เรียกว่า Tokoyo ก็ยังเปิดอยู่บนท้องฟ้า ราวกับเงาของคำสาปที่คอยเฝ้ามองผู้คนอยู่ตลอดเวลา

นี่คือช่วงปลายบาคุมัตสึ ยุคสมัยที่ญี่ปุ่นกำลังสั่นคลอนระหว่างความเชื่อเก่าและอุดมการณ์ใหม่ การเมือง วัฒนธรรม และไสยศาสตร์ต่างขัดแย้งกันไปหมด SNK ดึงบรรยากาศหลากหลายนี้มาใช้สร้างโลกของเกมให้มีทั้ง ความงดงาม ความเศร้า และความโรแมนติก ในแบบประวัติศาสตร์ปนแฟนตาซี

งานออกแบบตัวละครของ Tonko ช่วยเสริมโลกนี้ให้ชัดเจน ลายเส้นอ่อนช้อยและสีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ทำให้ตัวละครทุกคนเหมือนหลุดออกมาจากนิยายโบราณที่เล่าถึงนักดาบ ผู้ใช้เวท และคนที่ติดอยู่ระหว่างชะตากรรมและความสูญเสีย

สองสไตล์ดาบที่เปลี่ยนทุกจังหวะต่อสู้

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ภาคสองโดดเด่นคือการเลือกระหว่าง สองสไตล์การต่อสู้

  • Power – ให้ความรุนแรง หนักแน่น และดาเมจจัด
  • Speed – ให้ความเร็ว พลิ้วไหว และคอมโบต่อเนื่องลื่นไหล

แม้จะเป็นตัวละครเดียวกัน แต่การเลือกสไตล์ก็ทำให้ลีลาการต่อสู้เปลี่ยนไปทันที ทำให้ผู้เล่นสามารถค้นหาโทนการเล่นที่เหมาะกับตัวเองได้ง่าย และทำให้เกมมีความลึกโดยไม่ยุ่งยากเกินไป

ตัวละครหลายตัวยังได้รับ ท่าพิเศษใหม่ๆ เพิ่มความหลากหลายให้การเล่น และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ The Last Blade 2 ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเกมต่อสู้ที่ “ลงตัวที่สุดของยุค”

ความลับของสองโลก และชะตากรรมที่อยากถูกปิดผนึก

หัวใจของเรื่องราวในภาคนี้คือพิธี Fuin no Gi หรือพิธีปิดผนึก ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะตัดการเชื่อมโยงระหว่างโลกมนุษย์กับ Tokoyo พิธีนี้ต้องอาศัยพลังของ สี่เทพ และ มิโกะแห่งการปิดผนึก จึงเกิดการเคลื่อนไหวจากหลายฝ่ายเพื่อค้นหาผู้ที่เหมาะสม

ในขณะเดียวกัน Tokoyo ก็ก่อตัวเป็นพลังมืดจนฟื้นคืนบุคคลหนึ่งให้กลับมา ชะตากรรมของทุกคนจึงถูกดึงให้มาเจอกันอีกครั้ง

  • Kaede – เริ่มตระหนักถึงพลังที่หลับใหลในฐานะ Seiryu
  • Moriya – รู้ว่าบาปเก่าของเขายังรอการสะสาง
  • Yuki – สัมผัสได้ถึงเส้นทางใหม่ที่หลีกไม่พ้น
  • Kagami – ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งก่อนเริ่มยอมรับโชคชะตาของตัวเอง

การเดินเรื่องแบบนี้ทำให้ The Last Blade 2 มีความลึกไม่แพ้ละครประวัติศาสตร์ผสมเวทมนตร์ และสร้างโทนอารมณ์แตกต่างจากเกมต่อสู้ทั่วไป

การเดินทางข้ามยุคสู่แพลตฟอร์มต่างๆ

หลังเปิดตัวบน Neo Geo เกมถูกพอร์ตไปหลายระบบ ทั้ง NeoGeo CD, Dreamcast Final Edition, PlayStation 2 Compilation, Wii Virtual Console, PS4 / PS Vita, Steam รวมถึงเวอร์ชัน Arcade Archives บน Switch, Xbox One, iOS และ Android

การนำเกมกลับมาขายซ้ำกว่า 20 ปี แสดงให้เห็นว่าเกมยังคงมีแฟนเหนียวแน่น และคุณค่าของมันไม่ได้ลดลงตามกาลเวลา

ยังมีภาคพิเศษ The Last Blade Beyond the Destiny บน Neo Geo Pocket ใช้ตัวละครแบบ SD แต่ยังคงโครงเรื่องจากภาคสอง และกลับมาอีกครั้งบน Switch ในปี 2020 ส่วนเวอร์ชัน Dreamcast เพิ่มลูกเล่นพิเศษ ทั้งเอฟเฟกต์ที่แตกต่าง ภาพประกอบให้ปลดล็อก และ มินิเกม Koikoi ที่ดัดแปลงจากภาพตัวละคร

ทำไม The Last Blade 2 จึงเป็น “ดาบเล่มงามที่สุดของ SNK”

เหตุผลไม่ได้มีเพียงระบบการเล่น แต่รวมทุกองค์ประกอบที่สอดประสานกันอย่างลงตัว

  • กราฟิกพิกเซลที่ละเอียด สวยงาม และเป็นงานศิลป์
  • ระบบต่อสู้ที่เน้นจังหวะ การอ่านเกม และการสวนกลับ
  • เนื้อเรื่องเต็มไปด้วยชะตากรรม ความสูญเสีย และการค้นหาตัวตน
  • ดนตรีและเสียงบรรยากาศทำให้ผู้เล่นเหมือนอยู่ในปลายเอโดะจริงๆ

The Last Blade 2 คือเกมที่เกิดในช่วงเวลาหนึ่งของวงการ แต่ทิ้งร่องรอยไว้ในความทรงจำของผู้เล่น แม้เวลาจะผ่านไปนาน เสน่ห์ของมันก็ยังคงชัดเจนเหมือน เสียงดาบที่เฉือนผ่านอากาศในฉากสู้ครั้งแรก

Comments

Popular posts from this blog

Xbox อาจขึ้นราคาอีก หลังราคาชิป DRAM พุ่งสูง

Steam Machine จะมีราคาคล้ายพีซี ไม่ใช่คอนโซล

Steam Machine ใหม่ของ Valve ท้าทายโลกเกมด้วย Linux

SEGA Saturn ครบรอบ 31 ปี – คอนโซล 2D ระดับตำนาน

PS5 รุ่นประหยัดบุกญี่ปุ่น หลังยอดขายตามหลัง Switch 2

ผู้เล่นใน UK, US และญี่ปุ่นยังชอบเกมเล่นคนเดียวมากกว่าเกมมัลติเพลเยอร์

ผู้กำกับ Clair Expedition 33 อยากให้รีมาสเตอร์ Lost Odyssey เพื่อให้คนเล่นมากขึ้น

หัวหน้า Team Ninja ระบุ มีโอกาสได้เห็น Dead or Alive 7 ภายในทศวรรษนี้

Downtown Nekketsu Koushinkyoku เกมกีฬาสีสุดป่วนแห่งยุคแฟมิคอม