Secret of Mana: ตำนานแห่งมานาและดาบศักดิ์สิทธิ์

วันที่ 6 สิงหาคม ปี 1993 Square ได้ปล่อยเกมแอ็กชัน RPG ที่ยังคงตราตรึงใจแฟนๆ ทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน นั่นคือ Seiken Densetsu 2 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Secret of Mana ในตลาดต่างประเทศ เกมนี้เป็นภาคที่สองของซีรีส์ Seiken Densetsu และถือเป็นก้าวสำคัญที่แยกตัวออกจากจักรวาล Final Fantasy อย่างเป็นทางการ สร้างโลกใหม่ เรื่องราวใหม่ และความทรงจำใหม่ให้ผู้เล่นยุค Super Famicom อย่างไม่มีวันลืม

ตำนานของ "Mana" และการเดินทางของเหล่าผู้กล้า

เรื่องราวของ Secret of Mana เริ่มต้นเมื่อ Randi เด็กหนุ่มผู้บังเอิญดึงดาบศักดิ์สิทธิ์ออกจากฐานหิน ทำให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับสงครามระหว่างจักรวรรดิ Vandole ที่ต้องการชุบชีวิต "Mana Fortress" กับพันธมิตรฝ่ายต่อต้านอย่างสาธารณรัฐ Tasmanica, ราชอาณาจักร Pandora, และกลุ่ม Resistance จุดมุ่งหมายของ Randi และผองเพื่อนคือการหยุดยั้งพลัง Mana ที่กำลังคลุ้มคลั่ง ก่อนที่โลกจะพังพินาศ

แม้ภาคแรกของซีรีส์จะยังเชื่อมโยงกับ Final Fantasy (ในชื่อ Seiken Densetsu: Final Fantasy Gaiden บน Game Boy) แต่ภาคนี้คือการประกาศจุดยืนของ Seiken Densetsu อย่างแท้จริง และจากเกมนี้เองที่เราได้รู้จักตัวละครประจำซีรีส์อย่าง Flammie มังกรผู้เป็นมิตร และ Nikita พ่อค้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์

เบื้องหลังการพัฒนา: เกมที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็น "Seiken Densetsu"

เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของ Secret of Mana นั้นไม่ธรรมดาเลย ตัวเกมเริ่มต้นจากแนวคิดที่แตกแขนงมาจากแผนพัฒนา Final Fantasy IV เวอร์ชันหนึ่งซึ่งถูกยกเลิกไป จากนั้นถูกนำมารีบูตใหม่เพื่อสร้างเป็นเกมสำหรับเครื่องเสริม CD-ROM ที่วางแผนจะใช้กับ Super Famicom (ซึ่งสุดท้ายก็ไม่เคยวางจำหน่ายจริง) โปรเจกต์นี้เคยมีชื่อชั่วคราวว่า Chrono Trigger ก่อนที่แนวคิดจะถูกแยกออกเป็นคนละเกมในภายหลัง

ทีมพัฒนาหลักคือทีมเดียวกับที่ทำ Final Fantasy ยุคต้น:

• โปรดิวเซอร์และผู้เขียนบท: Hiromichi Tanaka (FFII, FFIII)
• ผู้กำกับและดีไซน์: Koichi Ishii (Seiken Densetsu ภาคแรก)
• โปรแกรมเมอร์หลัก: Nasir Gebelli
• ดนตรี: Hiroki Kikuta ซึ่งงานนี้ถือเป็นโปรเจกต์ใหญ่ชิ้นแรกในชีวิตของเขา

เสียงเพลงที่กลั่นจากหัวใจ: ความประณีตในทุกโน้ต

หนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้ Secret of Mana ยังถูกพูดถึงมาจนวันนี้ คือดนตรีประกอบที่งดงามราวกับเวทมนตร์ Hiroki Kikuta ลงแรงสร้างสรรค์เพลงทุกแทร็กด้วยความหลงใหล เขาย้ายเข้าไปอยู่ในห้องทำงานของตัวเองในตึก Square และอุทิศเวลาเกือบสองปีเต็มกับการแต่งเพลง เลือกเสียง จัดตำแหน่งเครื่องดนตรี และบีบอัดข้อมูลเสียงให้พอดีกับข้อจำกัดของ SFC

แม้ Super Famicom จะมีเพียง 8 ช่องเสียงสำหรับเล่น BGM และ SFX รวมกัน Kikuta เลือกจะใช้เต็มทั้ง 8 ช่องเพื่อเสียงดนตรีเท่านั้น แม้มันจะทำให้ SFX ถูกกลบในบางจังหวะ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือซาวด์แทร็กที่ใส สะอาด ละเอียดลึกจนกลายเป็นมาตรฐานของ "ความประณีต" ในวงการเกมยุค 90s

Kikuta ถึงขั้นนำ AKAI S900 มาทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์จริง เพื่อให้สามารถฟังเสียงที่ได้จาก SFC โดยตรงในระหว่างแต่งเพลงได้ทันที เขาเป็นทั้งคอมโพสเซอร์ ซาวด์ดีไซเนอร์ และวิศวกรเสียงในคนเดียว

ผลงานชิ้นนี้ได้รับเสียงชื่นชมทั้งจากแฟนๆ และนักดนตรีรุ่นหลัง มีการวางจำหน่ายแผ่น Original Sound Version ครบทั้ง 44 แทร็ก และ อัลบั้มเรียบเรียง แยกต่างหากในชื่อ Secret of Mana arranged version

การพอร์ตและการรีเมคในเวลาต่อมา

หลังจากความสำเร็จบน Super Famicom ตัวเกมได้ถูกนำไปวางจำหน่ายใหม่หลายครั้ง:

• Virtual Console (Wii, Wii U)
• มือถือญี่ปุ่น (i-mode, BREW)
• iOS และ Android
• คอลเลกชัน Seiken Densetsu Collection บน Nintendo Switch
• รีเมค 3D เต็มรูปแบบ Secret of Mana (2018) บน PlayStation 4, PS Vita และ Steam

แม้เวอร์ชันต้นฉบับจะมีบั๊กแปลกๆ เช่น เกมค้างถ้ากดปุ่มผิดจังหวะหลังจบบอส แต่ก็ถูกแก้ไขในเวอร์ชันหลังๆ และยังคงเสน่ห์ของต้นฉบับไว้ครบถ้วน

Secret of Mana ไม่ได้เป็นแค่เกม แต่เป็นบทกวีที่ขับขานด้วยแสงแห่งพลังมานา เสียงจากหัวใจของนักพัฒนา และความฝันของยุค 16 บิตที่ยังคงโลดแล่นอยู่ในหัวใจของแฟนๆ ทุกคน

ภาพประกอบจาก: SQUARE ENIX