เบื้องหลังการคืนชีพตำนาน Shinobi กับ SHINOBI: Art of Vengeance

ซีรีส์นินจาในตำนานอย่าง Shinobi กำลังกลับมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปหลายปี ครั้งนี้ในชื่อ SHINOBI: Art of Vengeance โปรเจกต์ที่ถือเป็นการฟื้นคืนชีพครั้งสำคัญ นำ Joe Musashi ตัวเอกนินจาหน้ากากขาวกลับมาสู่เวทีกลาง พร้อมด้วยงานภาพ 2D วาดมือ ที่สวยงามสะกดสายตา

การตัดสินใจคืนชีพ Shinobi ไม่ใช่เรื่องง่าย ทีมงานให้เหตุผลว่า การฟื้นตำนานครั้งนี้เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากแนวทางของ SEGA ที่อยากฟื้นฟู IP เก่าๆ และจากวิสัยทัศน์เชิงสร้างสรรค์ที่ต้องการให้ Shinobi กลับมาในรูปแบบ 2D แท้ๆ ทีมงานบอกว่าพวกเขาต้องคิดเยอะมากว่าจะทำอย่างไรให้เกม 2D แบบคลาสสิกยังคงดึงดูดผู้เล่นยุคปัจจุบันได้

ความร่วมมือกับ LizardCube ผู้สร้าง Streets of Rage 4 เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้โปรเจกต์เกิดขึ้น LizardCube มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการปรับซีรีส์เก่าให้ทันสมัย และการร่วมมือครั้งนี้ทำให้ SEGA สามารถรวมวิสัยทัศน์ของตัวเองเข้ากับความสามารถของสตูดิโอได้อย่างลงตัว

เวลาที่เหมาะสมก็เป็นอีกปัจจัย ทีมงานสังเกตว่าเกม 2D กำลังกลับมาได้รับความนิยม โดยเฉพาะในวงการอินดี้ และพวกเขาเชื่อว่าการฟื้น Shinobi ในช่วงเวลานี้อาจสร้างแรงกระเพื่อมในวงการได้

SHINOBI: Art of Vengeance กลับไปสู่รากเหง้า side-scrolling ของซีรีส์ แต่เพิ่มลูกเล่นใหม่ด้วยสไตล์ภาพที่ทีมงานเรียกว่า Neo2D ซึ่งผสมผสานการวาดมือแบบเฟรมต่อเฟรมกับเทคนิคภาพสมัยใหม่ ทุกการเคลื่อนไหวของตัวละครและฉากหลังถูกสร้างอย่างประณีต เพื่อให้ผู้เล่นได้สัมผัสงานศิลป์ 2D ที่โดดเด่นแตกต่างจากเกมทั่วไป

หนึ่งในความท้าทายหลักคือการสร้างสมดุลระหว่างความเข้าถึงง่ายสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ กับความยากที่เป็นสัญลักษณ์ของซีรีส์ ทีมงานมั่นใจว่าภาคนี้ทำได้ ทั้งสนุกสำหรับคนไม่เคยเล่นภาคก่อน และไม่ทำให้แฟนรุ่นเก๋าผิดหวัง ระบบปรับความยากถูกใส่มาเพื่อช่วยผู้เล่นที่อาจติดขัด แต่ทีมงานก็อยากให้ลองเล่นในระดับความยากมาตรฐาน เพื่อสัมผัสความท้าทายและความสนุกแบบเต็มๆ

Joe Musashi ตัวเอกนินจาผู้เป็นหน้าเป็นตาของซีรีส์ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของเกม ทีมงานยืนยันว่าตั้งแต่แรกเริ่มก็วางเขาเป็นตัวเอก การฟื้น Shinobi ในสายตาทีมงาน คือการนำ Musashi จากซีรีส์ Super Shinobi บน Mega Drive กลับมา

Musashi ถูกออกแบบให้เหนือกว่านินจาทั่วไป ความแข็งแกร่งและทักษะของเขาสูงกว่านินจาในจินตนาการทั่วไปหลายเท่า ฉากและโลกของเกมสะท้อนความอลังการนี้ ตั้งแต่การฟาดฟันในป่าไผ่ ไปจนถึงกระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์พร้อมกระดานโต้คลื่น ทุกสิ่งถูกออกแบบให้เกินความคาดหมายของผู้เล่น

ระบบการต่อสู้ของเกมมีความซับซ้อนและพัฒนาไปจากภาคก่อน มีการจัดลำดับท่าต่างๆ ตั้งแต่ Karyu (Ninjutsu ทรงพลังที่สุด) Ninpo การโจมตีปกติ การโจมตีเบา และคุไน ผู้เล่นสามารถปลดล็อกท่าใหม่ๆ ผ่านร้านค้าในเกม ทำให้สามารถสร้างคอมโบใหม่ๆ ได้เรื่อยๆ ระบบนี้เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทดลองและสร้างสไตล์การเล่นของตัวเอง

การต่อสู้ถูกออกแบบให้ลื่นไหล ไม่บังคับผู้เล่นต้องกดปุ่มตามลำดับใดลำดับหนึ่ง ผู้เล่นสามารถต่อคอมโบจากศัตรูที่ถูกเหวี่ยงขึ้นอากาศ หรือรวม Ninpo เข้าในคอมโบได้หลายรูปแบบ ทำให้แต่ละการต่อสู้ไม่ซ้ำกัน

สำหรับผู้เล่นใหม่ที่อาจประหลาดใจกับฉากต่อสู้กับบอสขนาดใหญ่ หรือฉากการต่อสู้สุดเวอร์ ทีมงานย้ำว่านี่ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ แต่เป็นการสืบทอด DNA ของ Shinobi ซีรีส์นี้มีมาตั้งแต่ภาคแรกที่ Musashi ต่อสู้ไม่เพียงกับนินจาเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญกับกองทัพ ศัตรูขนาดใหญ่ และสิ่งมีชีวิตลึกลับต่างๆ การออกแบบฉากเวอร์ๆ จึงเป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ของซีรีส์

ธีมหลักของเกมคือ การล้างแค้น Musashi ต้องเผชิญสถานการณ์สิ้นหวังที่เปลี่ยนไปตามเนื้อเรื่อง ทีมงานบอกว่าเรื่องราวของการล้างแค้นเป็นทั้งหน้าที่และจริยธรรมของเขา วิธีที่ Musashi รับมือกับภารกิจนี้กลายเป็นจุดสำคัญของเกม

แม้ทีมงานจะยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดโครงการ Shinobi ในอนาคต พวกเขาก็ให้ความเห็นว่าซีรีส์นี้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถสร้างเรื่องราวและตัวละครใหม่ๆ ได้เสมอ สิ่งนี้ทำให้ Shinobi เป็น IP ที่อิสระและสร้างสรรค์

SHINOBI: Art of Vengeance จึงเป็นมากกว่าเกมใหม่ มันคือการคืนชีพตำนานที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของทีมผู้สร้าง ทั้งการผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับนวัตกรรม และการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นทั้งเก่าและใหม่ได้สัมผัส “ศิลปะแห่งการล้างแค้น” ในแบบ Shinobi

เกมมีกำหนดวางจำหน่าย 29 สิงหาคม 2025 เตรียมพบกับ Joe Musashi ตัวเอกนินจาที่จะฟันฝ่าเหล่าศัตรูด้วยพลัง ทักษะ และเสน่ห์เฉพาะตัวที่ตราตรึงใจแฟนๆ มานานหลายทศวรรษ