CAPCOM FIGHTING Jam: เมื่อนักสู้ข้ามจักรวาลมาเจอกัน

-
CAPCOM FIGHTING Jam

CAPCOM FIGHTING Jam คือเกมต่อสู้แบบ 1 ต่อ 1 จากค่าย Capcom ที่เปิดตัวครั้งแรกบนเครื่องอาร์เคดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2004 โดยในเวอร์ชันต่างประเทศใช้ชื่อว่า Capcom Fighting Evolution ตัวเกมพัฒนาบนบอร์ด SYSTEM246 ซึ่งมีพื้นฐานจากเครื่อง PlayStation 2

หลังจากนั้น เกมถูกพอร์ตลง PS2 ในเดือนธันวาคม 2004 และตามด้วย Xbox ในเดือนมิถุนายน 2005 ส่วนเวอร์ชัน PS2 ได้วางจำหน่ายบน PlayStation Store ในปี 2012 ขณะที่เวอร์ชันอาร์เคดดั้งเดิมถูกนำกลับมาอีกครั้งในปี 2025 ผ่านชุดรวม Capcom Fighting Collection 2

ระบบเกม

เกมนี้รวมตัวละครจาก 5 ซีรีส์ชื่อดังของ Capcom ได้แก่ Street Fighter II, Street Fighter III, Street Fighter Zero, Vampire (Darkstalkers) และ Warzard (Red Earth) พร้อมด้วยตัวละครใหม่ Ingrid ที่มาพร้อมระบบเกจพลังเฉพาะตัว แตกต่างจากนักสู้คนอื่นในเกม

ระบบการเล่นใช้รูปแบบ Switch Tag โดยผู้เล่นจะเลือกนักสู้ 2 คนก่อนเริ่มแมตช์ และสามารถสลับตัวละครได้เมื่อจบรอบ ทำให้การต่อสู้เต็มไปด้วยการวางแผนและการอ่านเกมคู่ต่อสู้อย่างลึกซึ้ง

เบื้องหลังการพัฒนา

ทีมพัฒนาเกมนี้มีขนาดเล็ก โดยสมาชิกบางส่วนเคยทำงานในโปรเจกต์คอนโซลอื่นมาก่อน แต่ในช่วงต้นปี 2003 เมื่อมีเวลาว่าง ทีมงานจึงเริ่มต้นสร้างเกมต่อสู้ 2D ขึ้นใหม่จากศูนย์

เนื่องจากการสร้างเกม 2D ใหม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก ทีมงานจึงเลือกนำตัวละครจากเกมเก่ามาใช้ โดย Street Fighter II, Zero และ Vampire สามารถนำมาใช้ได้ง่าย แต่ Street Fighter III และ Warzard ต้องปรับกราฟิกและระบบควบคุมให้เข้ากับ PS2 ซึ่งเป็นงานที่ท้าทาย

ฉากจบของแต่ละตัวละครวาดโดยทีม Udon Comics ส่วนเพลงและวิดีโอในเกมจ้างทีมภายนอกมารับผิดชอบ ตัวเกมถูกออกแบบให้ผู้เล่นจินตนาการเรื่องราวต่อเอง จึงไม่มีเนื้อเรื่องหลักที่ชัดเจน

การตอบรับ

เวอร์ชัน PS2 และ Xbox ได้รับเสียงตอบรับทั้งด้านบวกและลบ โดยในญี่ปุ่น นิตยสาร Famitsu ให้คะแนนเวอร์ชัน PS2 อยู่ที่ 26 จาก 40

เกมถูกวิจารณ์ว่าใช้ตัวละครจากเกมเก่าเกือบทั้งหมด โดยมีการลดจำนวนเฟรมแอนิเมชัน และบางท่าพิเศษของตัวละครก็ถูกตัดออกไป ตัวละครยอดนิยมอย่าง Ken, Sagat และ Morrigan ปรากฏเพียงในฉากจบหรือเป็นแคมีโอเท่านั้น

โปรดิวเซอร์ Yoshinori Ono เผยว่าเกมนี้เป็นเวอร์ชันปรับปรุงจากโปรเจกต์ที่ถูกยกเลิกอย่าง Capcom Fighting All-Stars แม้การรวมระบบจากหลายซีรีส์จะทำให้เกิดปัญหาเรื่องบาลานซ์ แต่ก็ถือเป็นความพยายามของ Capcom ในการนำจักรวาลนักสู้มาให้แฟนๆ ได้สัมผัสอีกครั้ง

Comments

Post a Comment

Popular posts from this blog

ปริศนาไขกระจ่าง A・B แล้วทำไมเป็น X・Y จุดเริ่มจาก SFC

-
Image
ทุกวันนี้หากมองไปที่จอยเกม เรามักจะเห็นปุ่ม A・B・X・Y อยู่เสมอ จุดเริ่มต้นของการใช้ตัวอักษรทั้งสี่ มาจากจอย Super Famicom ของ Nintendo แม้ภายหลัง Xbox จะสลับตำแหน่ง A-B และ X-Y ไป แต่ก็ยังคงใช้ตัวอักษรแบบเดียวกัน คำถามสำคัญคือ ทำไมจากเดิมที่มีเพียง A・B บนจอย Famicom ปุ่มใหม่จึงไม่เป็น “C・D” ตามลำดับอักษร แต่กลับกลายเป็น X・Y แทน? คำตอบจาก Nintendo Power ในปี 1993 นิตยสาร Nintendo Power ของ Nintendo America เคยมีผู้อ่านถามเรื่องนี้ คำตอบมาจาก Lance Barr โปรดักต์ดีไซน์เนอร์ผู้มีส่วนร่วมในดีไซน์ Super Famicom เวอร์ชันอเมริกา และภายหลังยังออกแบบ Nunchuk ของ Wii Barr อธิบายว่า A・B คือปุ่มหลัก ส่วน X・Y คือปุ่มเสริม ตั้งใจให้มีการแยกหน้าที่ชัดเจน และที่เลือกใช้ X・Y ก็เพราะเกี่ยวโยงกับ ระบบพิกัดแกน X・Y ที่ใช้กันในงานออกแบบทางวิศวกรรมและคณิตศาสตร์ มุมมองของ Miyamoto Shigeru Miyamoto เคยบอกไว้ว่า D-Pad และ A・B คือหัวใจของการเล่นเกม ส่วนปุ่มใหม่จึงต้องมีภาพลักษณ์ที่ต่างออกไป ไม่ต่อเนื่องแบบ C・D จึงเลือก X・Y เพื่อให้ดูเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง เมื่อนำมารวมกับคำอธิบายของ ...
Read more

จาก System 16 สู่วิถี Mega Drive การเดินทางครั้งใหม่ของ SEGA

-
Image
ปี 1988 คือปีที่วงการเกมกำลังคึกคักสุดขีด และในเดือนตุลาคมของปีนั้น SEGA ได้เปิดตัวเครื่องเกมคอนโซลลำดับที่ห้า Mega Drive อันเป็นก้าวสำคัญที่ต่อยอดจากความสำเร็จของฮาร์ดแวร์อาร์เคดยุคก่อนหน้า จริงๆ แล้วโครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 1986 ซึ่งเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของ SEGA จุดเริ่มต้นมาจากบอร์ดอาร์เคด “System 16A／B” ที่เปิดตัวในเดือนมกราคมปีนั้น บอร์ดนี้คือรากฐานของเกมดังมากมาย ทั้ง Fantasy Zone , Golden Axe , Quartet และแม้กระทั่ง Tetris เวอร์ชันอาร์เคด สิ่งที่ทำให้มันประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่พลังประมวลผล 16 บิตของ CPU MC68000 เท่านั้น แต่ยังเป็นระบบการเปลี่ยนตลับ ROM ที่ทำให้ร้านเกมประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก ถือเป็นโมเดลที่ “เหมือนเครื่องคอนโซลในร้านเกม” หากย้อนไปก่อนหน้านั้น SEGA เคยสร้างชื่อด้วยเกม Hang-On และ Space Harrier ในปี 1985 เกมตู้ที่ไม่เพียงดึงดูดสายตาด้วยตู้บังคับขนาดใหญ่และลูกเล่นการเคลื่อนไหว แต่ยังสร้างความตื่นตะลึงด้วยภาพ เสียง และความเร็วที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันคือจุดที่ทำให้ SEGA กลับมาเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งในตลาดอาร์เคดอีกครั้ง และประสบการณ์เหล่านี...
Read more

Final Fantasy VII International – จุดเปลี่ยนสำคัญของ RPG ระดับตำนาน

-
Image
Final Fantasy VII คือเกม RPG ที่สร้างชื่อให้กับ Square อย่างมหาศาลบนเครื่อง PlayStation ในปี 1997 ความสำเร็จนี้ไม่เพียงทำให้ยอดขายถล่มทลาย แต่ยังนำไปสู่การเปิดตัวเวอร์ชันพิเศษที่ชื่อว่า Final Fantasy VII International ซึ่งเพิ่มคอนเทนต์ใหม่และปรับปรุงระบบเกม ก่อนจะถูกพอร์ตไปยัง PC และต่อยอดสู่แพลตฟอร์มอื่นๆ ในเวลาต่อมา จุดกำเนิดของเวอร์ชัน International หลังจากที่เกมทำยอดขายในญี่ปุ่นทะลุ 3 ล้านชุด Square ได้เปิดตัว Final Fantasy VII International เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 1997 โดยนำคอนเทนต์ที่เคยมีเฉพาะในเวอร์ชันอเมริกา กลับมาใส่ใหม่ในเวอร์ชันญี่ปุ่น พร้อมปรับปรุงหลายจุด ถือเป็นการฉลองความสำเร็จของเกมและยืดอายุในตลาดได้อย่างยอดเยี่ยม สิ่งที่เปลี่ยนแปลงและเพิ่มเข้ามา เวอร์ชัน International ไม่ได้เป็นเพียงการรีพอร์ต แต่มีการเพิ่มเติมหลายอย่างที่ทำให้เกมสมบูรณ์ขึ้น เช่น เพิ่มเหตุการณ์และคัทซีนใหม่ มีมาทีเรียและไอเทมใหม่ รวมถึงอาวุธที่เคยมีอยู่ในข้อมูลแต่หาไม่ได้จริงในเวอร์ชันแรก เพิ่มบอสลับสุดโหด “Ruby Weapon” และ “Emerald Weapon” ซึ่งกลายเป็นตำนานของแฟนๆ เพ...
Read more

ตำนาน Mega Drive ตอนที่ 2: เมื่อ Tetris ถูกยกเลิกและการบุกตลาดต่างประเทศ

-
Image
ช่วงปี 1989–1990 เป็นเวลาที่ Mega Drive เริ่มสร้างชื่อเสียง แต่ก็ไม่ได้ราบรื่นไปทั้งหมด ซีรีส์ Phantasy Star การยกเกมอาร์เคดฮิตมาลงเครื่องบ้าน และแผนบุกตลาดต่างประเทศ คือเรื่องราวที่สะท้อนทั้งความท้าทายและวิสัยทัศน์ของ SEGA Mega Drive เริ่มวางขายในญี่ปุ่นปี 1988 ด้วยสเปกที่ล้ำยุค เกมเปิดตัวแรกๆ ยังมีแนวซ้ำหรือเนื้อหาสั้น ทำให้แฟนเก่าของ SEGA Mark III หรือ Master System เพียงบางส่วนเท่านั้นที่ย้ายมาเล่นเครื่องใหม่ ในช่วงเดียวกัน Nintendo ก็จัดงานแถลงข่าว Super Famicom เผยกำหนดวางขายอีก 9 เดือน แม้โชว์แค่เครื่องต้นแบบ ไม่ใช่เครื่องจริง นี่เป็นการเตรียมรับมือช่วงขายปลายปี เกมใหญ่แรกของ Mega Drive คือ Phantasy Star II: End of the Millennium เกม RPG ลำดับที่ 6 ของ SEGA วางขายเดือนมีนาคม 1989 หลังเครื่องออก 5 เดือน Phantasy Star II เป็นการต่อยอดจาก Phantasy Star บน SEGA Mark III / Master System ในปี 1987 ซีรีส์นี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก Dragon Quest สร้างโลกแฟนตาซีผสมแนววิทยาศาสตร์และระบบต่อสู้ที่มีแอนิเมชันไดนามิก การพัฒนาภาค II ย้ายไปทำบน Mega Drive โดย Yuji Naka เป็นโปรแ...
Read more

เบื้องหลังการคืนชีพ “Streets of Rage 4” จากความฝันของแฟน SEGA สู่ตำนานบทใหม่

-
Image
ทีมผู้สร้างหลักของ “Streets of Rage 4” Cyrille Imbert – ผู้อำนวยการบริหารของ DotEmu และโปรดิวเซอร์หลักของเกม Ben Fiquet – ผู้ร่วมก่อตั้ง Lizardcube และผู้ออกแบบตัวละคร / ผู้นำด้านงานศิลป์ Jordi Asensio – ดีไซเนอร์จาก DotEmu ผู้ดูแลแนวทางเกมเพลย์และจังหวะการต่อสู้ Bo Samson-Guillemette – โปรแกรมเมอร์จาก Guard Crush Games ผู้พัฒนาระบบต่อสู้และเครื่องมือดีบัก Cyrille Lagarigue – ทีมดีไซน์จาก Guard Crush Games ผู้ดูแลสมดุลของเกมและระดับความยาก Olivier Derivière – คอมโพสเซอร์หลัก ดูแลทิศทางดนตรีและระบบเสียงแบบไดนามิก กว่าสองทศวรรษหลังภาคสุดท้ายออกวางจำหน่าย ตำนานเกมต่อสู้ข้างถนนของ SEGA อย่าง Streets of Rage ก็หวนกลับมาอีกครั้งในปี 2020 กับภาคที่สี่ เกมที่ถือเป็นภาคต่อโดยแท้จริง ไม่ใช่เพียงการรีเมกหรือรื้อฟื้นความหลัง จุดเริ่มต้นจากความหลงใหลของแฟน SEGA โปรเจ็กต์นี้เริ่มต้นจาก Cyrille Imbert แห่ง DotEmu ผู้เติบโตมากับเครื่อง Game Gear และหลงใหลในบรรยากาศกบฏยุค 90 ของ Streets of Rage หลังจากประสบความสำเร็จกับ Wonder Boy: The Dragon’s Trap...
Read more

Chou Makaimura – ตำนานอัศวินในแดนปีศาจ

-
Image
Chou Makaimura (ชื่ออังกฤษ: Super Ghouls’n Ghosts ) คือเกมแอ็กชันจาก Capcom ที่วางจำหน่ายบน Super Famicom เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 1991 เป็นภาคต่อของ Dai Makaimura ที่เคยโด่งดังในอาร์เคดเมื่อปี 1988 เกมยังคงรูปแบบการเล่นแบบดั้งเดิมของซีรีส์ Makaimura ผู้เล่นรับบทเป็นอัศวิน Arthur ออกเดินทางในโลกปีศาจเพื่อช่วยเจ้าหญิงที่ถูกลักพาตัว มีทั้งอาวุธและเวทมนตร์ให้เลือกใช้หลายชนิด เช่น หอก ขวาน และไฟศักดิ์สิทธิ์ จุดเด่นคือระบบเกราะที่เมื่อโดนโจมตีจะหลุดเหลือเพียงชุดชั้นในอันเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์นี้ แม้ระดับความยากจะถูกปรับให้เบาลงจากภาคก่อนเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่าโหดสมชื่อ “Makaimura” อยู่ดี กราฟิกและเสียงถูกพัฒนาให้ล้ำหน้าด้วยพลังของ Super Famicom โดยเฉพาะเอฟเฟกต์การหมุนและซูมของฉากที่สร้างความตื่นตาให้กับผู้เล่นในยุคนั้น เบื้องหลังการพัฒนา Chou Makaimura เป็นภาคที่สามของซีรีส์ Makaimura ต่อจาก Makaimura (1985) และ Dai Makaimura (1988) และเป็นภาคแรกที่ไม่ได้สร้างสำหรับอาร์เคด ผู้อยู่เบื้องหลังคือ Tatsuya Minami ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้คุมทีมพัฒนาเต็มตัว หลังจากเคยทำง...
Read more

Seiken Densetsu 3 – ตำนานมานาครั้งสุดท้ายบน SFC

-
Image
Seiken Densetsu 3 วางจำหน่ายครั้งแรกในญี่ปุ่นวันที่ 30 กันยายน 1995 โดย Square สำหรับเครื่อง Super Famicom เป็นภาคที่ 3 และเป็นภาคสุดท้ายบน SFC เรื่องราวเล่าถึงความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรใหญ่ที่ใช้พลัง “มานา” เพื่อครองโลก และเงามืดที่แฝงอยู่ ตัวละครหลักต้องเผชิญชะตากรรมและผลกระทบจากสงคราม แม้เกมจะวางจำหน่ายในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ในปี 2017 มีเวอร์ชันภาษาอังกฤษบน Nintendo Switch ในชื่อ Seiken Densetsu Collection พร้อมตั้งชื่อเป็น Trials of Mana ทีมผู้พัฒนา เกมพัฒนาโดย Square ทีมที่ 3 มี Tetsuhisa Tsuruzono เป็นโปรดิวเซอร์ (Producer), Hiromichi Tanaka เป็นผู้กำกับ, Koichi Ishii ออกแบบเกม และ Nobuteru Yuki ทำงานภาพประกอบ ทีมเริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี 1993 ด้วยการทดลองและปรับโปรโตไทป์หลายครั้งจนได้เกมสมบูรณ์ เดิมทีทีมตั้งใจให้เกมเป็นต่อเนื่องจาก Secret of Mana แต่สุดท้ายสร้างใหม่ทั้งหมด ให้ระบบแอ็กชันมากขึ้น และกราฟิกใกล้เคียง 3D ใช้เลเยอร์ภาพซ้อนหลายชั้น ระบบเกมและจุดเด่น เลือกตัวละครหลัก 3 คนจากทั้งหมด 6 ตัวละคร ระบบ Triangle Story ทำให้เส้นเรื่องแตกต่างตามตัวละครที่เล...
Read more

The King of Fighters '94 จุดเริ่มตำนานไฟท์ติ้งทีม 3 ต่อ 3

-
Image
The King of Fighters '94 (KOF '94) คือเกมต่อสู้ 2 มิติที่ SNK เปิดตัวในปี 1994 บนตู้ Neo Geo MVS และคอนโซล Neo Geo AES, CD ถือเป็นภาคแรกที่วางรากฐานซีรีส์ KOF และสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยระบบทีมแบทเทิล 3 ต่อ 3 ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เกมนี้รวมตัวละครจากหลายซีรีส์ของ SNK ทั้ง Fatal Fury, Art of Fighting, รวมถึงตัวละครที่ถูกนำมาปรับโฉมจาก Ikari Warriors และ Psycho Soldier พร้อมตัวละครใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นเฉพาะเกมนี้ หนึ่งในนั้นคือตัวเอกคนใหม่ Kyo Kusanagi นักเรียนมัธยมผู้ใช้ไฟ ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของซีรีส์ เรื่องราวเล่าถึงทัวร์นาเมนต์ปริศนาที่จัดขึ้นโดยอาชญากรผู้ทรงอิทธิพล Rugal Bernstein จุดกำเนิดและทีมสร้าง ผู้อยู่เบื้องหลังคือ Takashi Nishiyama ที่ดึง Masanori Kuwasashi มาร่วมงาน หลังเห็นผลงานที่ Irem และให้เขารับตำแหน่งผู้กำกับ Kuwasashi เดิมสนใจภาพยนตร์ แต่เมื่อเข้าสู่วงการเกมก็หันมาทำเต็มตัว งานแรกของเขาที่ SNK คือ Baseball Stars Professional ที่ได้ร่วมงานกับ Toyohisa Tanabe ซึ่งต่อมากลายเป็นผู้ออกแบบระบบการต่อสู้ของซีรีส์ โครงการ KOF ตอนแรกถูกวางให้เป็...
Read more

Street Fighter II Dash Plus บน Mega Drive – อีกก้าวของตำนานไฟท์ติ้ง

-
Image
หลังจากสร้างปรากฏการณ์ในอาร์เคดกับ Street Fighter II และ Street Fighter II’ แล้ว ในปี 1992 Capcom ได้ปล่อย Street Fighter II’ TURBO ซึ่งเป็นเวอร์ชันปรับสมดุลและเพิ่มความเร็วให้การต่อสู้ดุเดือดยิ่งขึ้น จุดเด่นคือเกมเพลย์ที่รวดเร็วและปรับท่าใหม่บางส่วนของตัวละคร ทำให้การเล่นมีมิติแตกต่างจากภาคก่อน แม้เกมนี้เริ่มพัฒนาเพื่อรับมือกับบอร์ดดัดแปลงที่ทำให้เกมเร็วผิดปกติ แต่กลับกลายเป็นภาคที่แฟนๆ ยกให้สนุกและท้าทายที่สุดภาคหนึ่ง เวอร์ชัน Mega Drive Street Fighter II Dash Plus วันที่ 28 กันยายน 1993 Sega นำเกมนี้มาลง Mega Drive ในชื่อ Street Fighter II Dash Plus ซึ่งพัฒนาต่อยอดจาก Street Fighter II Dash รายละเอียดสำคัญ ใช้ 24Mbit ROM Cartridge ทำให้ใส่คอนเทนต์ได้เต็ม รวมถึงฉากเปิดแบบ Street Fight ที่แฟนๆ จำได้จากอาร์เคด รองรับทั้ง 6-button controller และ 3-button controller แบบดั้งเดิม แต่ถ้าใช้ 3 ปุ่ม ต้องกดปุ่ม Start เพื่อสลับหมัดและเตะ มีโหมดหลัก 2 แบบ Dash Mode – เล่นได้ครบ 12 ตัวละคร รวมถึง Shadaloo Four (Shitenno / สี่จตุรเทพ) Exc...
Read more

GUN-NAC เกมยิงสุดฮาในยุคปลายของ Famicom จากทีมผู้สร้าง Zanac

-
Image
GUN-NAC เป็นเกมยิงแนวตั้งที่พัฒนาโดย Compile และจัดจำหน่ายโดย Tonkin House วางขายบนเครื่อง Famicom เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 1990 ซึ่งเป็นช่วงปลายยุคของเครื่อง 8 บิต ก่อนที่ Super Famicom จะเข้ามารับช่วงต่อ แม้จะใช้เอนจินเดียวกับ Zanac แต่ GUN-NAC กลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน และศัตรูที่ออกแบบได้แปลกประหลาด ไม่ว่าจะเป็นกระต่ายยักษ์ เหรียญเงินบินได้ หรือดอกไม้ยิงเลเซอร์ แต่ละด่านได้รับแรงบันดาลใจจาก “วันในสัปดาห์” อย่างดาวแห่งดวงจันทร์ ดาวแห่งไฟ และดาวแห่งน้ำ ทำให้มีบรรยากาศที่แตกต่างและสดใหม่ตลอดการเล่น ระบบการเล่นของ GUN-NAC ถูกออกแบบมาให้เล่นง่าย ไม่ต้องกดปุ่มรัวให้เมื่อยมือ ตัวเกมยังมีโหมดตั้งค่าที่ละเอียดเกินมาตรฐานของเกมในยุคนั้น ผู้เล่นสามารถปรับระดับความยากได้ 4 ระดับ เปิดหรือปิดระบบยิงสวนกลับของศัตรู และเลือกโหมดแสดงผลระหว่าง “เน้นภาพสไปรต์” หรือ “เน้นความเร็ว” ได้ตามความชอบ นอกจากนี้ยังมีเกร็ดเล็กๆ ที่น่าสนใจ ทีมงาน Compile ได้ทิ้งข้อความไว้ในข้อมูลของเกม ซึ่งถูกค้นพบภายหลังจากการเปิดดูผ่านโปรแกรมแก้ไขข้อมูล เนื้อหาน...
Read more