ภารกิจคืนชีพ Sega: บทท้าทายสุดท้ายของ Shuji Utsumi
กว่า 30 ปีในวงการเกม Shuji Utsumi ผ่านประสบการณ์มาหลากหลายบทบาท ตั้งแต่การร่วมวางแผนเปิดตัว PlayStation รุ่นแรก การดูแลเกมดังของ Dreamcast อย่าง Sonic Adventure และ Jet Set Radio ไปจนถึงการเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Q Entertainment ที่ให้กำเนิด Lumines และ Meteos
แต่เมื่อถูกถามว่าเขาภูมิใจในผลงานชิ้นไหนที่สุด คำตอบกลับไม่ใช่สิ่งที่ผ่านมา
“ตอนนี้ผมกลับมาที่ Sega และกำลังทำงานเพื่อฟื้นฟูมัน… ผมอยากให้สิ่งนี้กลายเป็นความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของผม”
นี่คือเรื่องราวของภารกิจสุดท้ายในชีวิตการทำงานของ Utsumi — การพา Sega กลับคืนจุดที่โลกเกมต้องจับตามองอีกครั้ง
จากญี่ปุ่นสู่โลก: เปลี่ยนวิธีคิดของสตูดิโอ Sega
เมื่อกลับมาในปี 2023 Utsumi พบว่าสตูดิโอญี่ปุ่นของ Sega ยังคงยึดติดกับตลาดในประเทศ ทั้งที่แบรนด์ Sega ได้รับความนิยมสูงในโลกตะวันตก
เขาจึงเปลี่ยนแนวคิดภายในองค์กร: เกมต้องวางขายพร้อมกันทั่วโลก รองรับทุกแพลตฟอร์ม และเตรียมงานสื่อสารการตลาดสู่ต่างประเทศตั้งแต่วันแรกของการพัฒนา วิธีคิดแบบ “Global First” นี้กลายเป็นแรงผลักดันใหม่ให้ทีมงาน และส่งผลชัดเจนในผลงานของซีรีส์อย่าง Persona และ Like A Dragon
Sega = ค่ายเพลง
Utsumi เปรียบ Sega ว่าเหมือนค่ายเพลงที่มีหลายแนว เช่น Football Manager, Sonic, Like A Dragon หรือ Persona ต่างก็มีกลิ่นอาย ศิลปะ และวัฒนธรรมของตนเอง แต่สิ่งที่พวกเขามีร่วมกันคือความใส่ใจในคุณภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และความกล้าทดลอง
“Sega ในอดีตเหมือนร็อกแอนด์โรลในวงการอาร์เคด เราอยากเอาความกล้านั้นกลับคืนมา”
ความท้าทายของ GAAS
เกมแบบเล่นคนเดียวยังเป็นรากฐานที่มั่นคงของ Sega แต่โลกของ Games-as-a-Service (GAAS) คือสมรภูมิใหม่ที่พวกเขายังตามไม่ทันคู่แข่ง
การเข้าซื้อ Rovio (เจ้าของ Angry Birds) คือก้าวสำคัญ Sega หวังใช้ความเชี่ยวชาญด้านมือถือของ Rovio มาช่วยสร้างเกมมือถือที่ดึงดูดผู้เล่นทั่วโลก โดยเฉพาะเกม Sonic แบบ GAAS ที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้
ฟื้นตำนาน แต่ไม่ขายแค่ความคิดถึง
ในสายตา Utsumi ความสำเร็จของการคืนชีพ IP เก่าไม่ใช่แค่ใส่ภาพย้อนยุคลงไปแล้วหวังขายแฟนรุ่นเก่า แต่ต้องมีนวัตกรรมพอที่จะดึงดูดคนรุ่นใหม่
โปรเจ็กต์คืนชีพ Jet Set Radio, Crazy Taxi, Shinobi, Streets of Rage และ Golden Axe จึงเป็นเหมือนสนามทดลองแนวคิดใหม่ ที่บางโปรเจ็กต์อาจเสี่ยง แต่หากสำเร็จ ก็จะกลายเป็นแหล่งรายได้ระยะยาวผ่านโลกของภาพยนตร์ สินค้า หรือเกมภาคต่อ
จาก Crash สู่ Sonic บนจอเงิน
เมื่อหลายปีก่อน Utsumi เคยเสนอทำหนัง Crash Bandicoot แต่โดนฮอลลีวูดปฏิเสธ เพราะ “เกมก็แค่ของเล่น” ทว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจาก Sonic The Hedgehog ทำรายได้เกิน 1 พันล้านดอลลาร์ทั่วโลก
ตอนนี้ Sega กำลังวางแผนขยาย IP อื่นๆ สู่โลกภาพยนตร์ โดยหวังผลไม่ใช่แค่รายได้ แต่เพื่อส่งเสริมยอดขายเกมในระยะยาว
ยืนหยัดศรัทธาต่อคอนโซล
แม้โลกเกมจะโน้มเอียงไปสู่พีซีและมือถือมากขึ้น Utsumi ยังเชื่อว่าคอนโซลมีพื้นที่ของมัน โดย Sega มีถึง 5 เกมอยู่ในแผนเปิดตัวบน Nintendo Switch 2
“ผมโตมากับคอนโซล ผมยังเชื่อว่ามันจะมีบทบาท แม้จะยากขึ้น แต่ก็ยังมีโอกาสให้เข้าถึงผู้เล่นหน้าใหม่ทั่วโลกอยู่เสมอ”
ในวันที่บริษัทเกมทั่วโลกเผชิญแรงกดดัน การที่ผู้นำคนหนึ่งเลือกมอง “การฟื้นฟู” แทน “การเอาตัวรอด” อาจเป็นสัญญาณว่า Sega กำลังเข้าสู่บทใหม่อีกครั้ง — และคราวนี้ อาจเป็นบทที่สำคัญที่สุดในชีวิตของ Shuji Utsumi เอง
Comments
Post a Comment