Takenobu Mitsuyoshi: จากเด็กหลงรักเสียงดนตรี สู่ตำนานเพลงเกมและเสียง “Game Over Yeah”

Takenobu Mitsuyoshi

ถ้าพูดถึงคอมโพสเซอร์เกมที่ทั้งเก่ง สนุก และมีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเองแบบสุด ๆ ชื่อของ Takenobu Mitsuyoshi ต้องติดอยู่ในลิสต์แน่นอน ทั้งงานเพลงระดับไอคอนอย่าง Daytona USA, Sega Rally, Virtua Fighter, Shenmue รวมถึงการพากย์และการร้องเพลงที่แฟนเกมจำได้ขึ้นใจ

บทสัมภาษณ์นี้เล่าถึงเส้นทางชีวิตของเขา ตั้งแต่วัยเด็กในฟุกุโอกะ ไปจนถึงการก้าวเข้าสู่วงการเกม เสียงร้องใน Daytona USA และเบื้องหลังจิงเกิล Game Over Yeah ที่โด่งดังไปทั่วโลก

จุดเริ่มต้น: เด็กชายจากฟุกุโอกะที่ถูกปลูกฝังด้วยเสียงดนตรี

Mitsuyoshi เกิดวันที่ 25 ธันวาคม 1967 ที่จังหวัดฟุกุโอกะ คุณแม่เป็นคนรักดนตรีมาก ทำให้เขาเติบโตมาพร้อมเพลงสากลตั้งแต่ยังจำความได้ ไม่ว่าจะเป็น Only You ของ The Platters หรือ El Bimbo ของ Paul Mauriat

ที่โรงเรียนอนุบาลซึ่งเป็นโรงเรียนคริสต์ เขาได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษจากการท่องชื่อผลไม้ผ่านภาพวาดแฮนด์เมดของครู และมันกลายเป็นช่วงเวลาที่เขาจำได้อย่างสนุกที่สุด

สมัยมหาวิทยาลัย เขาชอบเข้าไปฟังออร์แกนท่อนสวดในโบสถ์ของ Tohoku Gakuin University จนถึงขั้นลงเรียนคอร์สออร์แกนในปีสุดท้ายเพื่อไปเล่นบนเวทีจริง

ถ้าย้อนกลับไปดู เขาคิดว่าดนตรีอังกฤษและเพลงที่แม่เปิดให้ฟังหล่อหลอมสิ่งที่เขาทำในวงการเกมตอนโต

YMO จุดประกายให้จับคีย์บอร์ดและเริ่มแต่งเพลง

เมื่ออายุประมาณ 16 เพื่อนแนะนำผลงานของ Yellow Magic Orchestra (YMO) ให้รู้จัก และมันเปลี่ยนชีวิตเขาไปเลย เขาขอคีย์บอร์ดเป็นของขวัญวันเกิด ก่อนหัดเล่นจากหู แล้วค่อยเรียนรู้โน้ตเพลงอย่างจริงจัง

“ถ้าไม่มีเพลงใหม่ให้ฟัง งั้นเราทำเพลงแบบ YMO เองก็แล้วกัน”

ความคิดที่ทั้งบ้าบิ่นและงดงามนี้เองคือจุดเริ่มต้นของการแต่งเพลงต้นฉบับของเขา

ช่วงมหาวิทยาลัย เขายังคลั่งไคล้ดนตรีฟิวชันอย่าง Casiopea และ T-Square จนเข้าชมรมดนตรีและเล่นเพลงคัฟเวอร์ของวงเหล่านี้อย่างจริงจัง

เกมแรกในชีวิตและจุดเปลี่ยนที่พาเข้าสู่วงการ

เกมแรกที่เขาได้เล่นคือ TV Baseball ของ Epoch เพราะตอนนั้นเขาคลั่งเบสบอลหนักมาก ต่อมาค่อยๆ เข้าสู่โลกคอมพิวเตอร์บ้านและ Famicom แต่ก็ยังไม่ได้ไปอาร์เคดบ่อยนัก

จนกระทั่งปีสุดท้ายมหาวิทยาลัย ตอนที่เขายังไม่รู้จะหางานอะไร เพื่อนในชมรมเปิดเพลงของวง S.S.T. Band ให้ฟัง นั่นคือวงที่เกิดจากทีมซาวด์ของ Sega

“เป็นพนักงานบริษัท แต่ได้ออกอัลบั้ม เล่นดนตรี และแต่งเพลงในงาน มันสุดยอดมาก”

เขาจึงส่งไปรษณียบัตรขอข้อมูลไปหลายบริษัท และผ่านการสัมภาษณ์ของ Konami กับ Sega ก่อนจะเลือกเข้า Sega Enterprises ซึ่งคือบ้านของ S.S.T. Band นั่นเอง

จากคอมโพสเซอร์สู่คนร้องเพลงประกอบ Daytona USA

จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่คือช่วงทำ Daytona USA ที่ทีมต้องการสร้างเกมแข่งรถที่เหนือกว่าเจ้าอื่นทุกด้าน

และวิธีเพิ่มพลังแบบหนึ่งที่เขาคิดได้คือการใส่เสียงร้อง แทนที่จะหานักร้อง เขากลับใช้เสียงของตัวเอง แล้วตัดคำออกเป็นหน่วยๆ ใส่ลงคีย์บอร์ดเหมือนเป็นเครื่องดนตรีเพื่อให้ระบบซาวด์ยุคนั้นเล่นได้

“ผมไม่เคยคิดเลยว่าเสียงร้องนี้จะไปไกลถึงขนาดเป็นตำนานระดับโลก”

หลังจากนั้นเขาจึงได้งานร้องเพลงโปรเจกต์ต่างๆ ของ Sega ทั้ง Virtua Fighter, Burning Rangers และอีกมากมาย

เบื้องหลังตำนาน Game Over Yeah ใน Sega Rally

Sega Rally ใช้วิธีใกล้เคียงกับ Daytona แต่ฮาร์ดแวร์ดีกว่า จึงบันทึกประโยคยาวๆ ได้แบบไม่ต้องแบ่งคำ กลายเป็น jingle เต็มๆ ที่เราคุ้นหูกัน

“ตอนทำ Game Over Yeah จริงๆ ผมไม่ได้มีเหตุผลลึกซึ้งอะไร แค่รู้สึกว่ามันเข้ากับเมโลดี้ดี”

แต่แฟนเกมทั่วโลกรู้สึกอีกแบบ หลายคนบอกว่ามันช่วยลดความหัวร้อนหลังแพ้ได้ด้วยซ้ำ

ก้าวใหม่กับ Shenmue จากงานแต่งเพลงสู่การเป็นผู้อำนวยการเสียง

โปรเจกต์ที่หนักที่สุดในชีวิตคือ Shenmue ซึ่งเขาต้องดูแลทีมซาวด์กว่า 10 คน รวมถึงคอมโพสเซอร์ภายนอก งานจึงเปลี่ยนจากแต่งเพลงเป็นบริหารและกำกับ

“เพลงอาร์เคดต้องดึงความสนใจทันที แต่เพลงคอนโซลต้องฟังได้นาน นุ่มนวล และสร้างภาพในหัวผู้เล่น”

Virtual On Marz และการรับบท Sgt. Hatter

เดิมทีเขาไม่ได้เป็นคนทำดนตรีในซีรีส์ Virtual On แต่ถูกขอให้มาช่วยงาน Marz และยังถูกเลือกให้พากย์ Sgt. Hatter ด้วยเสียงจริงของเขาเอง

งานนอก Sega ที่แฟนๆ ประทับใจ F-Zero สำหรับ Super Smash Bros.

“ใส่ใจเสียงโดยรวมมาก เพื่อให้เพลงร้องไม่รบกวนเกมเพลย์”

ดนตรี vs งานพากย์อะไรต่างกัน

“การแต่งเพลงคือการทำงานจากข้างใน ส่วนการพากย์หรือร้องเพลงคือการส่งออกจากข้างนอก การร้องเพลงก็เหมือนการแสดงบทบาทหนึ่ง การทำงานทั้งสองอย่างส่งเสริมกันในตัว”

ทุกวันนี้เขายังรับหน้าที่คิดคอนเซปต์ โปรดิวซ์ดนตรี และอยากมีผลงานที่สร้างความประทับใจให้ผู้เล่นได้อีกในอนาคต

เขายังทำรายการ Sega Sound Street บน X และ YouTube และหวังว่าจะรวมเพลงเหล่านั้นออกมาเป็นซาวด์แทร็กเต็มในอนาคตด้วย

สรุป

Takenobu Mitsuyoshi คือศิลปินที่มีทั้งความสามารถ ความกล้า และเสน่ห์เฉพาะตัว เดินทางจากเด็กที่รักดนตรีสากล มาสู่คอมโพสเซอร์ผู้ปฏิวัติเสียงเกมอาร์เคด และกลายเป็นไอคอนของผู้เล่นทั่วโลก

ตั้งแต่ Let’s Go Away ไปจนถึง Game Over Yeah ทุกเสียงของเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำในโลกเกมอย่างแท้จริง

Comments

Popular posts from this blog

Dragon Quest VI ครบรอบ 30 ปี บทสรุป Tenkuu Series กับการผจญภัยสองโลก

Yuji Horii ส่งสัญญาณลับ แฟนลุ้น Chrono Trigger อาจมีความคืบหน้า

Katsuhiro Harada ประกาศอำลา Bandai Namco ปลายปี 2025 ในวาระ TEKKEN ครบ 30 ปี

Shuhei Yoshida บอกญี่ปุ่นคงพัฒนาเร็วแบบ Genshin ไม่ไหวตอนนี้

Netflix ทุ่ม 83 พันล้านดอลลาร์ซื้อ Warner Bros. และ HBO

3 ธันวาคม วันวางจำหน่าย PlayStation รุ่นแรก

Nintendo อัปเดต Mario Kart World เวอร์ชัน 1.4.0 เพิ่มฟีเจอร์ใหม่และปรับสมดุลครั้งใหญ่

Sakura Taisen เกมดราม่าแอดเวนเจอร์บน Sega Saturn

Sega CEO ชอบ Jensen ช่วยเซฟ Nvidia จากวิกฤตครั้งใหญ่

เกม Switch หลายเกมอัปเดตความเข้ากันได้สำหรับ Switch 2